ศอฉ.แถลงจับM79 เสียใจทหารตาย แนะปชช.เลี่ยงม็อบ

ศอฉ.แถลงยึดกระสุนM 79 ได้ 62 ลูก หวั่นเล็ดรอดเข้าพื้นที่ชุมนุม แนประชาชนเลี่ยงเส้นทางม็อบเคลื่อน หากอยู่ระหว่างการปะทะให้ล็อครถหลบอยู่ข้างใน เสียใจเหตุปะทะวันนี้ ทหารเสียชีวิต 1 เจ็บ 2 ผู้ชุมนุมเจ็บ 17 ราย...

เมื่อเวลา 21.00 น. 28 เม.ย. พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศูนย์อำนวยการร่วมแก้ไขในสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) แถลงผลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในเหตุการณ์สลายการชุมนุมบริเวณแยก อนุสรณ์สถาน ถนนวิภาวดีรังสิต ว่า ในวันนี้เวลา 12.00 น. เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจได้สนธิกำลังกันเข้าคลี่คลายสถานการณ์ความวุ่นวาย ของกลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดง หรือ กลุ่มนปช. ที่มีความประสงค์จะเดินทางไปยังตลาดไท ดังนั้นทหารและตำรวจได้ตั้งด่านสกัดไว้ตรงอนุสรณ์สถานดอนเมือง


ด้านพล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า สืบเนื่องจากวันนี้กลุ่มผู้ชุมนุมมีการชุมนุมอยู่ 2 จุด คือ บริเวณตลาดไท และบริเวณอนุสรณ์สถานแห่งชาติ จึงจำเป็นจะต้องเข้าไปควบคุมสถานการณ์ เนื่องจากทั้ง 2 พื้นที่เป็นพื้นที่ที่ได้ประกาศพ.ร.ก.ความมั่นคง ไม่สามารถที่จะชุมนุมได้ ในการสลายการชุมนุมครั้งนี้ มีการสนธิกำลังของตำรวจ ทหารบก และทหารอากาศ สำหรับขั้นตอนการปฏิบัติการนั้น ได้มีการเน้นย้ำให้เข้าดำเนินการตามขั้นตอนอย่างละมุนละม่อมจากเบาไปหาหนัก แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมา มีอาวุธสงครามถูกยิงจากกลุ่มผู้ชุมนุม เจ้าหน้าที่จึงต้องเตรียมความพร้อมเพื่อป้องกันตนเอง

ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวต่อว่า จากผลการปฏิบัติการวันนี้ ทำด้วยความยากลำบาก เพราะระหว่างเจ้าหน้าที่และผู้ชุมนุมเผชิญหน้ากัน ยังมีประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่ใช้รถใช้ถนนอยู่ตรงกลาง และกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ได้ใส่เสื้อสีแดงเหมือนเดิม แต่ใส่เสื้อหลากสี ทำให้การแยกแยะประชาชนผู้บริสุทธิ์และผู้ชุมนุม เป็นไปด้วยความยากลำบาก พยายามจะใช้ความระมัดระวังให้มากที่สุด พอการชุมนุมดำเนินไปได้ระยะหนึ่ง ก็มีหนังสติ๊กและกระสุนยิงเข้ามา ทำให้เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องใช้การควบคุมในขั้นถัดไป ปฏิบัติการครั้งนี้เป็นที่น่าเสียใจที่มีการสูญเสีย เป็นทหารเสียชีวิต 1 นาย บาดเจ็บ 2 ราย ส่วนกลุ่มผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บ 17 ราย

พล.ต.ท. วรพงษ์ กล่าวอีกว่า ผลการปฏิบัติได้มีการแยกแยะกลุ่มผู้กระทำความผิดด้วยการจับกุม ปรากฎว่าทั้ง 2 จุดสามารถจับกุมผู้ชุมนุมได้ 14 ราย แห่งละ 7 ราย สามารถยึดรถที่ใช้กระทำความผิด เป็นจักรยานยนต์ได้ 1 คัน เหนือไปกว่านั้นเราสามารถยึดอาวุธสงครามเป็นลูกกระสุน เอ็ม 79 และชิ้นส่วนประกอบของเครื่องยิงแบบเอ็ม 203 สำหรับยิงกระสุนขนาด 40 มม. ที่ยึดได้ โดยการจับกุมครั้งนี้ มาจากการตั้งด่านของทหารอากาศ ที่ตั้งหน้ากองทัพอากาศ ร่วมกับตำรวจจราจร

ขณะที่พล.อ.ต.อานนท์ จารยะพันธุ์ ผู้บังคับทหารอากาศ ดอนเมือง กล่าวว่า เมื่อเวลาประมาณ 16.17 น. งศูนย์รักษาการณ์ของกองพันสห.ทอ. ได้รับแจ้งว่ามีผู้ต้องสงสัยขี่รถจักรยานยนต์ มีลักษณะท่าทีจะไปร่วมชุมนุมบริเวณอนุสรณ์สถาน จุดที่เกิดเหตุอยู่บริเวณหน้าฐานทัพอากาศดอนเมือง ในฝั่งถนนวิภาวดี-รังสิต ขาเข้า ในทางคู่ขนาน ทอ.ได้รับมอบหมายให้จัดกำลัง 2 กองร้อย รักษาความสงบร่วมกับทหาร ดูแลทางด่วนโทลล์เวย์ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ก่อความไม่สงบขึ้นไปยิงอาวุธลงมา และยังมีจุดสกัดที่รถจักรยานยนต์คันดังกล่าวขี่มาและพยายามหลบหนี ในขณะที่เจ้าหน้าที่ทอ.พยายามตรวจค้น ผู้ต้องสงสัยจึงพยายามขี่หลบหนี เมื่อเจ้าหน้าที่เห็นผู้ต้องสงสัยพยายามหลบหนี จึงวิ่งตาม โดยผู้ต้องสงสัยพยายามวิ่งหลบหนีไปในถนนแยกเข้าหมู่บ้านบดินทร์โฮม ที่มีถนนเป็นซอยตัน เจ้าหน้าที่พยายามติดตาม ผู้ต้องสงสัยจึงทิ้งถุงสีดำ แล้วทิ้งรถจักรยานยนต์ปีนกำแพงหนีไปในป่าหญ้า สารวัตรทหารจึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตรวจวัตถุระเบิดของกรมสรรพาวุธทหาร อากาศมาตรวจถุงดังกล่าว

เมื่อเจ้าหน้าที่มาถึง ได้ใช้ปืนแรงดันน้ำยิงไปยังกล่องเพื่อเปิดดู พบกระสุนเอ็ม 79 จำนวน 62 นัด เป็นรุ่นแบบเจาะเกราะ 42 นัด และรุ่นกระทบแตก กระสุนหัวธรรมดา 20 นัด และยังค้นถุงพลาสติกที่อยู่ข้างใน มีเอกสารประกอบตามที่ตำรวจชี้แจงอยู่ด้วย โดยกระสุนเอ็ม 79 ทั้ง 62 นัด บรรจุในกล่องไปรษณีย์ มีกระสอบปุ๋ยสีขาวหุ้มไว้อีกชั้นหนึ่ง และในถุงสีขาวก็มีถุงพลาสติกสีดำหุ้มไว้อีกทีหนึ่ง

ด้านนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวว่า การปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ที่เป็นการสนธิกำลังระหว่างตำรวจและทหาร จุดที่อันตรายอย่างยิ่งคือการตรวจพบวัตถุระเบิดร้ายแรงจำนวนมาก เป็นความผิดตามกฎหมาย ขณะนี้ได้มีมติให้คดีที่เกี่ยวกับการก่อการร้ายเป็นคดีพิเศษ และอาวุธที่มีการเตรียมการจะไปใช้เป็นความผิดในลักษณะการก่อการร้าย กรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะหน่วยงานหลัก จะได้ร่วมงานกับสำนักอัยการสูงสุด และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการสอบสวนต่อไป คงเป็นที่น่ากังวลในแง่ของอาวุธ ทางดีเอสไอจะดำเนินการให้ความจริงปรากฎ เพื่อนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษต่อไป

"ตามที่ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า การดำเนินการของเจ้าหน้าที่เป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะผู้ชุมนุมใส่เสื้อหลากสีปะปนไปกับผู้ใช้รถใช้ถนนทั่วไป และการสกัดจับอาวุธสงครามเอ็ม 79 ได้นั้น ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่มั่นใจว่าจะมีอาวุธสงครามร้ายแรงเล็ดรอดเข้าไปในพื้นที่ ชุมนุมที่จะนำมาก่อเหตุได้หรือไม่ 17.45 น.เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจจึงตัดสินใจประกาศยุติการปฏิบัติ เพราะเกรงว่าจะสุ่มเสี่ยงและเป็นอันตรายต่อพี่น้องประชาชนที่อาศัยอยู่ บริเวณที่เจ้าหน้าที่ปิดล็อคไว้" โฆษก ศอฉ.กล่าว

โฆษก ศอฉ.กล่าวอีกว่า ศอฉ.ขอชี้แจงให้พี่น้องประชาชนได้ทราบว่า ในการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ หากท่านกำลังเดินทางด้วยยานพาหนะ แล้วมีขบวนของผู้ชุมนุมผ่านมา ก็ขอให้ออกจากพื้นที่ หรือเปลี่ยนเส้นทางออกไป หรือเร่งความเร็วแซงขึ้นไป แต่ถ้าทำไม่ได้ ก็จอดข้างทาง ปล่อยให้กลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนไปก่อน อาจจะเสียเวลาบ้าง แต่จะเป็นประโยชน์ต่อตัวท่าน ถ้าพบการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ต่อผู้ชุมนุม ก็ขอให้ล็อคประตูรถ แล้วอยู่ในรถของท่านอย่าได้ออกมา เพราะจะเป็นอุปสรรคของทหารและตำรวจ

พ।อ.สรรเสริญ กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตาม การกระทำใดๆ ก็ตามของกลุ่มบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ไม่คำนึงถึงความเสียหายต่อพี่น้องประชาชนโดยทั่วไปหรือบ้านเมือง เป็นสิ่งจำเป็นที่ศอฉ.ต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเฉียบขาด แต่ถ้าการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ ทำให้ประชาชนโดยทั่วไปได้รับผลกระทบ ไม่ได้รับความสะดวกสบายเหมือนชีวิตตามปกติ ทางศอฉ.ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ และจะเรียนข้อมูลให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบตลอดเวลา

ข่าวไทยรัฐ